KOM CHUT LEUK (THAI NEWSPAPER)

เรื่อง / ภาพ : ศรีพร เหล่าวณิชยา

อั๊ต อัษฏา พาเที่ยว เมืองลอดช่อง

เป็นพระเอกที่ไม่ค่อยจะมีผลงานในเมืองไทยสักเท่าไรนัก สำหรับ “อั๊ต” อัษฏา พานิชกุล เพราะมัวแต่ไปทำหน้าที่วีเจให้กับเอ็มทีวี ที่ประเทศสิงคโปร์ โดยก่อนจะหายไปยาวนานนั้น นายอั๊ตยังฝากละครเรื่อง “กุหลาบเล่นไฟ” ผลงานชิ้นสุดท้ายไว้ให้แฟนๆได้ดูต่างหน้า

เป็นเวลากว่าสองปีแล้วที่อั๊ตใช้ชีวิตอยู่ที่ประเทศสิงคโปร์โดยไม่มีข่าวคราวความเคลื่อนไหวออกมาเลย กระทั่งคลื่น 93.5 อีเอฟเอ็ม จัดกิจกรรม “อีเอฟเอ็ม โคลส อัพ สเปเชียล วิท อั๊ต อัษฏา” โดยจะพาแฟนพันธุ์แท้ของนายอั๊ตไปเยี่อมเยียนถึงถิ่นกันเลยดอนน่า

ออกเดินทางจากสนามบินดอนเมืองตั้งแต่เช้า ใช้เวลาเดินทางราวสองชั่วโมง ก็ถึงสนามบินที่ซางงี ประเทศสิงคโปร์ เรามีนัดกับอั๊ตตอนบ่ายโมงตรง

อั๊ตนั่งรออยู่บริเวณล็อบบี้โรงแรมตามเวลานัดหมาย เห็นหน้าเราอั๊ตก็เดินรี่เข้ามาหา “สวัสดีครับ ไม่ได้เจอกันนานเลยนะครับ ดีใจจังที่ได้มาเจอที่นี่ วันนี้เราจะไปเที่ยว อันเดอร์ วอเตอร์ เวิลด์ กันครับ แต่ก่อนเราจะไปเราไปหาของรองท้องกันก่อนดีกว่านะ” ว่าแล้วก็พาเรามุ่งหน้าไปยังภัตตาคารจีนทันที ระหว่างทางอั๊ตบอกกับเราว่า

“ผมอยู่ที่นี่มา 2 ปีเต็มแล้ว ทำงานเป็นวีเจอยู่ที่นี่ แล้วตอนนี้ผมก็เล่นละคร ซึ่งเนื้อหาละคร จะเป็นเกี่ยวกับรักต่างวัย เรื่องนี้ผมเล่นกับเจิ้นอี้หลินด้วย แล้วผมก็ยังเป็นพิธีกรให้กับรายการหนึ่ง คล้ายๆกับแนวมิติลี้ลับของไทย แล้วก็มีถ่ายโฆษณาควบคู่กันไปด้วย” อั๊ตเล่าให้ฟังอย่างอารมณ์ดี


มาถึงบริเวณร้านอาหาร ยังไม่ทันได้เข้าข้างใน แฟนคลับของอั๊ตก็เข้ามามะรุมมะตุ้มขอถ่ายรูป เสร็จจากเอาใจแฟนๆแล้วก็เข้าไปโซ้ยกัน จากนั้นหนุ่มหล่อก็พาเรามุ่งหน้าไปยังกระเช้าลอยฟ้าเพื่อเข้าชมพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ที่อยู่บนเกาะเซ็นโตซา

ระหว่างทางเดินเข้า อั๊ตก็เหลือบไปเห็นรถสามล้อถีบ ทุกคนจึงกระโดดขึ้นเป็นผู้โดยสาร


หลังจากนั้นนายอั๊ตก็หายตัวไป เล่นเอาทีมงานหาตัวกันให้จ้าละหวั่น จนมาสะดุดอยู่ที่ฉากจำลองการแสดงงิ้ว ซึ่งมีหุ่นเด็กสองคนกำลังนั่งเล่นอยู่ นายอั๊ตแอบอยู่ตรงนี้นี่เอง

เดินต่อไปสักพักก็ไปเจอกับหุ่นแขก ที่กำลังทำพวงมาลัยพลาสติกเพื่อไหว้เจ้า อั๊ตกระโดดขึ้นไปทำท่านั่งคุยกับหุ่น ก่อนหันมาบอกว่า “เขาไม่ยอมตอบผมเลยฮะ” แล้วเจ้าตัวก็ทำท่าคุยกับหุ่นต่อไปอีก พร้อมกับทำสีหน้าฉงน แล้วหันมาหัวเราะชอบใจ ผละออกจากตรงนั้นได้ เขายังคงเดินเล่นกับหุ่นเหล่านั้นไปเรื่อยๆ ตลอดทาง


ออกมาจากพิพิธภัณฑ์ เราก็นั่งรถต่อเพื่อเข้าชมโลกใต้ทะเล (อันเดอร์ วอเตอร์ เวิลด์) อั๊ตรีบชักเท้าพาไปดูปลาตามตู้ต่างๆ หลากสีสันก่อนจะหยุดอยู่ที่ปลาปิรันยา สักพักก็เดินมาเกาะอยู่ที่ตู้กระจกสีฟ้า เห็นตัวเขียวๆ เหมือนสาหร่ายทะเลลอยอยู่ “เจ้าซีดราก้อน (Seadragon) นั่นเอง” อั๊ตบอกกับเราว่า มันเป็นม้าน้ำอีกสายพันธุ์หนึ่งที่มีรูปร่างคล้ายกับสาหร่ายทะเลมาก “มองไกลๆ เหมือนใบไม้ลอยไปลอยมาเลยเนอะ”

อุโมงค์นี้ทางเดินจะแยกเป็นสองส่วน คือ ส่วนของสายพาน ที่จะเลื่อนไปเรื่อยๆ เพื่อไม่ให้การชมโลกใต้น้ำติดขัด และส่วนพื้นที่ธรรมดาแยกเอาไว้เพื่อให้ผู้ชมได้หยุดถ่ายรูป

ี่อั๊ตเลือกที่จะเดินบนสายพาน เพราะจะได้เห็นชีวิตสัตว์ใต้น้ำได้อย่างชัดเจน และรวดเร็วทันใจ มองซ้ายทีขวาที ตื่นตาตื่นใจไปกับสัตว์น้ำนานาชนิด

“เหมือนผมอยู่ในน้ำที่มีอากาศหายใจได้ แล้วก็มีฝูงปลาแหวกว่ายอยู่รอบๆ ผมเลยครับ” พูดจบก็ชี้ให้เราดูปลากระเบนตัวยักษ์ที่กำลังว่ายข้ามหัวไปมา

แล้วก็มาจ๊ะเอ๋กับสัตว์ร่างยักษ์สีเทาตัวอ้วนกลมอีกตัวหนึ่ง แล้วชี้ให้เราดูพร้อมกับถามว่า “ตัวอะไรน่ะใหญ่จัง” อั๊ตคิดอยู่สักพักก่อนจะอุทานเสียงยาว “อ๋อ....พะยูน ตัวใหญ่มากเลย แต่ก็น่ารักดีนะครับ” พูดจบก็หันมาส่งยิ้มให้


แล้วก็มาจ๊ะเอ๋กับสัตว์ร่างยักษ์สีเทาตัวอ้วนกลมอีกตัวหนึ่ง แล้วชี้ให้เราดูพร้อมกับถามว่า “ตัวอะไรน่ะใหญ่จัง” อั๊ตคิดอยู่สักพักก่อนจะอุทานเสียงยาว “อ๋อ....พะยูน ตัวใหญ่มากเลย แต่ก็น่ารักดีนะครับ” พูดจบก็หันมาส่งยิ้มให้

ออกมาจาก อันเดอร์ วอเตอร์ เวิลด์ เราก็ขึ้นรถไปชมระบำน้ำพุที่สวยที่สุดบนเกาะเซ็นโตซา ซึ่งจะทำการแสดงในรอบค่ำ ผู้คนนับหมื่นนั่งอยู่บนอัฒจันทร์ รอชมอย่างใจจดใจจ่อ กระทั่งหนึ่งชั่วโมงให้หลัง การแสดงอันตระการตานี้ก็เสร็จสิ้นเสียงปรบมือดังสนั่นไปทั้งบริเวณ

อั๊ตหันมาคุยว่า “สวยมั้ยครับ ผมว่าเจ๋งสุดๆ เลย แสง สี เสียง ตระการตาสมคำร่ำลือเลยนะครับ” พูดไปพลางก้าวเท้าเดินออกจากอัฒจันทร์

เราแยกกับอั๊ตตรงนั้น เขาส่งยิ้มหวานและโบกมือให้ เป็นอันว่าการเดินทางมาพบนายอั๊ตครั้งนี้ จบลงพร้อมกับรอยยิ้ม และความประทับใจ

:: TOP ::

June 13, 2004